วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับที่ 3 เดือน ตุลาคม 2552

จากประธานสภาฯ
สารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ผ่านมาเป็นฉบับที่ 3 ยังคงทำหน้าที่สื่อข่าวสารของสภาฯ ถึงคณาจารย์และบุคลากร มานำเสนอเพื่อรับทราบร่วมกัน การนำเสนอข้อมูลของสภาฯจะพยายามไม่ให้ซ้ำซ้อนกับภาคส่วนอื่น เช่น ผู้แทนคณาจารย์ที่ได้นำเสนอแล้ว เป็นต้น เพื่อให้คณาจารย์และบุคลากร ได้รับข่าวสารครบถ้วน ทั่วถึงทุกเรื่อง ที่ผ่านมาสภาฯ ได้เสนอขอให้มหาวิทยาลัยกำหนดภาระงานให้คณาจารย์ บุคลากร ที่ไปทำหน้าที่ในคณะกรรมการคณะต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง เพื่อประกาศใช้ต่อไป เสนอขออนุมัติจัดตั้งสำนักงานสภาฯ เสนอขออนุมัติโครงการศึกษาดูงานของคณะกรรมการสภาและผู้แทนคณาจารย์ในคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย เป็นต้น ดังนั้นหากคณาจารย์และบุคลากรท่านใดต้องการเสนอแนะ หรือแสดงความคิดเห็นที่จะเกิดประโยชน์แก่มหาวิทยาลัย คณาจารย์และบุคลากรผ่านมายังสภาฯ คณะกรรมการสภาฯ ก็ยินดีจะทำหน้าที่สะท้อนความเห็น ข้อเสนอแนะสู่ประชาคม และผู้เกี่ยวข้องให้ต่อไป

เรื่องน่ารู้
ในสารสภาฉบับที่ 1 ได้เสนอระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษ และค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2551 ที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของมหาวิทยาลัย คือ “ผู้ทำการสอน” ซึ่งหมายถึง คณาจารย์ทั้งที่เป็น ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และพนักงานราชการ ในสายวิชาการ หรือสาย ก. นั่นเอง ในฉบับนี้จะนำเสนอในส่วนของ ข้าราชการและลูกจ้างของสถาบันอุดมศึกษาซึ่งไม่มีหน้าที่ในการสอน แต่ได้รับคำสั่งให้สอนที่บัญญัติไว้ในข้อ 14 ความว่า
“ข้อ 14 ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าสอนพิเศษในสถาบันอุดมศึกษาได้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
14.1 ผู้สอนที่เป็นข้าราชหรือลูกจ้างของทางราชการที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งประจำในสถาบันอุดมศึกษานั้น
14.2 ข้าราชการและลูกจ้างของสถาบันอุดมศึกษาซึ่งไม่มีหน้าที่ในการสอนแต่ได้รับคำสั่งให้สอนในสถาบันอุดมศึกษานั้น
14.3 ผู้ได้รับเชิญให้สอนในสถาบันอุดมศึกษาในฐานะอาจารย์พิเศษ”
ในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงของเรา ผู้มีสิทธิที่จะได้รับค่าสอนพิเศษข้างต้น มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ
1. พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานราชการ สายสนับสนุน หรือสาย ข. หรือบุคลากรอื่นที่ได้รับคำสั่งจากมหาวิทยาลัยให้สอนในวิชาต่างๆ ที่เปิดให้มีการเรียนการสอนในภาคปกติ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิตามข้อ 14.2 มีสิทธิได้รับค่าสอนพิเศษในอัตราชั่วโมงละ 400 บาท
2. อาจารย์พิเศษที่ได้รับการเชิญให้มาสอนในเวลาราชการ ในภาคการศึกษาปกติของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิตามข้อ 14.1 และ14.3 มีสิทธิได้รับค่าสอนพิเศษในอัตราชั่วโมงละ 400 บาท
การจ่ายค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนตามระเบียบกระทรวงการคลังฉบับนี้เป็นการระบุถึงอัตราค่าสอนที่แน่นอนตายตัวตามตารางแนบท้ายระเบียบซึ่งสถาบันอุดมศึกษาต้องดำเนินการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามนั้นเพื่อความถูกต้อง

รายงานสาระการประชุมสภาฯ
เนื่องจากสารสภาฯฉบับที่ 2 มิได้นำสาระการประชุมครั้งที่ 4 เสนอ สารสภาฯ ฉบับนี้จึงนำสาระการประชุม ทั้งครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 เสนอ ดังนี้
การประชุมสภาฯ ครั้งที่ 4
* ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย(ทปสท.) จัดการสัมมนาวิชาการ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ วันที่ 8 -10 กันยายน 2552 โดยเชิญกรรมการสภาฯแต่ละแห่งเข้าร่วม โดยสภาคณาจารย์ และข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ให้ประธานสภาฯเข้าร่วมการสัมมนา
*ประธานสภาฯแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ที่ประชุมสภาคณาจารย์และข้าราชการ แห่งประเทศไทย(ทปสท.) มีมติจัดทำข้อมูลความจำเป็น ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับภาพรวมกรอบอัตรากำลังของมหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และขอเข้าพบเพื่อรับทราบนโยบายเกี่ยวกับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต่อไป
*ที่ประชุมฯ รับทราบเกี่ยวกับการเสนอขออนุมัติจัดตั้งสำนักงานสภาฯ เสนอขอให้มหาวิทยาลัยกำหนดภาระงานให้คณาจารย์ บุคลากร ที่ไปทำหน้าที่ในคณะกรรมการคณะต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง โครงการศึกษาดูงานของคณะกรรมการสภาและผู้แทนคณาจารย์ในคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย
*ที่ประชุมฯ เห็นชอบพิจารณาร่างประกาศมหาวิทยาลัยฯเรื่องจรรยาบรรณของบุคลากร พ.ศ.2552 และเสนอต่อมหาวิทยาลัยต่อไป
*ที่ประชุมฯ แสดงความห่วงใยโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในเมือง ด้านแผนให้มีรายละเอียดชัดเจน และการวิเคราะห์ความเสี่ยง เช่นเดียวกับที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยแสดงความห่วงใย
การประชุมสภาฯ ครั้งที่ 5
*ที่ประชุมฯ มีมติเลือก อ.ดร.นิพนธ์ วรรณเวช เป็นผู้แทนจากสภาฯ เพื่อการสรรหาผู้อำนวยการวิทยาลัยมวยไทยฯ
*ที่ประชุมฯ แสดงความเห็นเรื่องการกำหนดภาระงานฯ มีมติให้รอร่างประกาศจากมหาวิทยาลัยเพื่อนำมาพิจารณาและเชิญคณาจารย์เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นต่อไป
*ที่ประชุมฯ รับทราบผลการพิจารณาอนุมัติโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในเมือง ตามความเห็นที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย

กำหนดการประชุมสภาฯ ครั้งต่อไป
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2552

สภาฯ ยินดีรับความคิดเห็น บทความ ข้อเขียนทุกประเภทจากคณาจารย์และบุคลากรทุกท่าน

สารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับที่ 2 เดือน กันยายน 2552

จากประธานสภาฯ
สารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับที่ 2 นี้อยู่ในช่วงเวลาการครบกำหนดเกษียณอายุราชการ และการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของคณาจารย์ บุคลากรของมหาวิทยาลัย จำนวน 18 ท่าน ผมในนามสภาคณาจารย์และข้าราชการ ขอถือโอกาสนี้กราบขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนามหาวิทยาลัยมาจนถึง ณ ปัจจุบัน และ ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งที่ทุกท่านเคารพนับถือทั้งหลาย จงช่วยอำนวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขในการดำเนินชีวิตในช่วงเวลาหลังเกษียณอายุราชการต่อไป ซึ่งในงานเกษียณอายุฯ สภาคณาจารย์และข้าราชการ ได้มอบรูปหล่อลอยองค์พระคเณศวร ที่เชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จให้ทุกท่าน เป็นการสื่อว่าทุกท่านได้ประสบผลสำเร็จในการรับราชการอย่างดียิ่งแล้ว และแม้ท่านเกษียณอายุไปแล้วก็ยังคงเป็นที่รัก เคารพของศิษย์ทั้งหลายตลอดไป
จากสารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับแรก ต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยที่ใส่ใจกับภารกิจของสภาคณาจารย์และข้าราชการ เห็นได้จากที่ท่านรองอธิการบดีมีบันทึกชี้แจงข้อเท็จจริงให้ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการคลัง เรียนถึงคณาจารย์ทุกท่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องน่ารู้ ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอน ในสารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับที่ 1 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 โดยส่วนนี้ผมได้ทำบันทึกชี้แจงเพิ่มเติมท่านรองอธิการบดีไปแล้ว และมีท่านผู้ไม่แสดงตัวทำบันทึกถึงผมอีกฉบับหนึ่งทำนองเดียวกับท่านรองอธิการบดี ซึ่งผมได้ชี้แจงและแสดงรายละเอียดระเบียบกระทรวงการคลังฉบับเต็มผ่านถึงท่านผู้ไม่แสดงตัวท่านนั้น โดยใช้โอกาสดังกล่าวเรียนนำเสนอสู่คณาจารย์เพิ่มเติมเพื่อรับทราบข้อมูลร่วมกันด้วย ดังที่หลายท่านรับทราบข้อมูลแล้ว จึงถือว่าการเป็นเวทีเหตุผล สะท้อนความคิดเห็นสร้างสรรค์ ด้วยมิตรภาพ เพื่อประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัย ของสภาคณาจารย์และข้าราชการ เริ่มเกิดขึ้นแล้ว และสภาฯจะร่วมกันทำหน้าที่นี้ต่อไป
เนื่องจากความจำกัดด้านเนื้อที่นำเสนอสารสภาฯ ฉบับนี้ จึงขอยกยอดเรื่องน่ารู้ และรายงานสาระการประชุมสภาฯ ไว้นำเสนอในฉบับหน้า

คณาจารย์และบุคลากรผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ อาจคุ้มวงศ์
2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรศักดิ์ เอี่ยมพงษ์ไพฑูรย์
3. รองศาสตราจารย์ยนต์ ชุ่มจิต
4. รองศาสตราจารย์มยุรี นนทปัทมะดุลย์
5. รองศาสตราจารย์ประวิทย์ วิกรัยพัฒน์
6. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อังคณา โรจนไพบูลย์
7. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ราตรี ไกรสิทธ์
8. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อารยา รัตนวิไล
9. ผู้ช่วยศาสตราจารย์โชติ ปุ้งเผ่าพันธ์
10. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมศักดิ์ ปริปุรณะ
11. อาจาย์เกริกชัย ธรรมลักขณา
12. อาจารย์สว่างจิตต์ ปันธิโก
13. อาจารย์พินิจ สุขโชติ
14. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วสมน มณีดำ
15. คุณพรพรรณ จันทร์เพชร
16. คุณสมชัย ตันสมศักดิ์
17. คุณสนาม แป้นแหลม
18. คุณสมนึก จันทร์เพชร

สภาฯ ยินดีรับความคิดเห็น บทความ ข้อเขียนทุกประเภทจากคณาจารย์และบุคลากรทุกท่าน

สารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับที่ 1 เดือน สิงหาคม 2552

จากประธานสภาฯ
สารสภาคณาจารย์และข้าราชการ ฉบับแรกนี้เกิดขึ้นจากที่ประชุมสภาคณาจารย์และข้าราชการ ครั้งที่3/2552 วันที่ 4 สิงหาคม 2552 มีความเห็นร่วมกันว่า สภาคณาจารย์และข้าราชการควรมีสื่อกลางสื่อข้อมูลข่าวสารที่จะเกิดประโยชน์และควรรับรู้ร่วมกันกับคณาจารย์ ข้าราชการ บุคลากรต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย นักศึกษา เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่คณาจารย์ ข้าราชการ บุคลากรต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย นักศึกษาจะได้สะท้อนความคิดเห็นสร้างสรรค์ ให้เกิดประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย ดังนั้นในขณะนี้จึงขอเรียนเชิญคณาจารย์ ข้าราชการ บุคลากรต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ต้องการเสนอแนะ สะท้อนข้อมูลต่างๆ ผ่านสภาคณาจารย์และข้าราชการ ส่งข้อมูลมายังกรรมการสภาคณาจารย์และ ข้าราชการทุกท่าน ส่วนการส่งผ่านwww.ของสภาคณาจารย์และข้าราชการจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ในโอกาสนี้ขอเรียนแนะนำสมาชิกของสภาคณาจารย์และข้าราชการ ให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
1. ผศ.นัยนา แคล้วเครือ คณะวิทยาการจัดการ
2. ผศ.พรสิริ สุขผ่อง คณะวิทยาการจัดการ
3. ผศ.ประเมิล อินทพิบูลย์ คณะวิทยาการจัดการ
4. ดร.นิพนธ์ วรรณเวช คณะครุศาสตร์
5. อาจารย์ชวน ภารังกูล คณะครุศาสตร์
6. ผศ.ฐานินี แจ่มจันทร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
7. ผศ.ดาราวรรณ ญาณะนันท์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
8. ผศ.ประภา เหล่าสมบูรณ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
9. อาจารย์สมศักดิ์ ขมหวาน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
10.คุณสวงค์ พ่อค้า ข้าราชการ

และเนื่องจากพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ 2547 กำหนดให้คณะกรรมการสภาคณาจารย์และข้าราชการมีวาระการปฏิบัติหน้าที่ 3 ปี ซึ่งคณะกรรมการสภาคณาจารย์และข้าราชการคณะนี้ ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการเดิมที่มี อ.ดร. นิมิต มั่งมีทรัพย์ เป็นประธาน วาระการปฏิบัติหน้าที่จึงจะครบในวันที่ 26 มีนาคม 2554

หน้าที่สภาคณาจารย์และข้าราชการ
พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 กำหนดหน้าที่สภาคณาจารย์และข้าราชการ ไว้ในมาตรา ๒๔ ดังนี้
(๑) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในกิจการของมหาวิทยาลัยและการพัฒนามหาวิทยาลัยต่ออธิการบดีหรือสภามหาวิทยาลัย
(๒) แสวงหาแนวทางร่วมกันเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์และ ข้าราชการในการปฏิบัติหน้าที่ตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
(๓) พิทักษ์ผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่อธิการบดีหรือสภามหาวิทยาลัยมอบหมาย
(๔) เรียกประชุมคณาจารย์และข้าราชการเพื่อพิจารณากิจกรรมของมหาวิทยาลัย และนำเสนอความคิดเห็นต่อสภามหาวิทยาลัย
การปฏิบัติหน้าที่ของสภาคณาจารย์และข้าราชการถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และการดำเนินการใด ๆ ในการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่เป็นเหตุในการดำเนินการทางวินัย

เรื่องน่ารู้
ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอน
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2551 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2551 มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของมหาวิทยาลัย 2 กลุ่ม
1. “ผู้ทำการสอน” ซึ่งตามระเบียบนี้หมายถึง บุคคลที่ทำหน้าที่สอนในสถานศึกษา หรือในสถาบัน อุดมศึกษาโดยได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างจากเงินงบประมาณ งบบุคลากร
2. ข้าราชการและลูกจ้างของสถาบันอุดมศึกษาซึ่งไม่มีหน้าที่ในการสอนแต่ได้รับคำสั่งให้สอนในสถาบันอุดมศึกษา
โดยระเบียบดังกล่าวกำหนดให้ผู้ทำการสอน ภาระงานสอน 1 คาบการสอนที่มีเวลาไม่น้อยกว่า 50 นาทีจะคิดเป็น 1 หน่วยชั่วโมง ผู้ทำการสอนครบตามหน่วยชั่วโมงที่กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข 4 ที่แนบท้ายระเบียบดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าสอนเกินภาระงานสอนได้ โดยในบัญชีหมายเลข 4 ได้กำหนดจำนวนหน่วยชั่วโมงการสอนไว้ดังนี้
1. ตำแหน่งวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่ สอนและวิจัยหรือทำหน้าที่วิจัย โดยเฉพาะ
1.1 ศาสตราจารย์
1.2 รองศาสตราจารย์
1.3 ผู้ช่วยศาสตราจารย์
1.4 อาจารย์ หรือตำแหน่งอื่น ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
สอนระดับปริญญาตรีขึ้นไปหรือเทียบเท่าในสถาบันอุดมศึกษาที่ตนสังกัดหรือในสถาบันอุดมศึกษาอื่นตามโครงการแลกเปลี่ยนอาจารย์ระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ต้องมีจำนวนหน่วยชั่วโมงที่ทำการสอนในหนึ่งภาคการศึกษา ทวิภาค 150 หน่วยชั่วโมง ไตรภาค 120 หน่วยชั่วโมง จตุรภาค 100 หน่วยชั่วโมง
2. ผู้บริหาร
2.1 อธิการบดี
2.2 รองอธิการบดี
2.3 คณบดี
2.4 หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
2.5 ผู้ช่วยอธิการบดี
สอนระดับปริญญาตรีขึ้นไป หรือเทียบเท่าในสถาบันอุดมศึกษาที่ตนสังกัด ต้องมีจำนวนหน่วยชั่วโมงที่ทำการสอนในหนึ่งภาคการศึกษา ทวิภาค 45 หน่วยชั่วโมง ไตรภาค 36 หน่วยชั่วโมง จตุรภาค 30 หน่วยชั่วโมง
3. ผู้บริหาร
3.1 รองคณบดีหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
3.2 ผู้อำนวยการกองหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
3.3 ตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
สอนระดับปริญญาตรีขึ้นไป หรือเทียบเท่าในสถาบันอุดมศึกษาที่ตนสังกัด ต้องมีจำนวนหน่วยชั่วโมงที่ทำการสอนในหนึ่งภาคการศึกษา ทวิภาค 90 หน่วยชั่วโมง ไตรภาค 72 หน่วยชั่วโมง จตุรภาค 60 หน่วยชั่วโมง
4. ผู้ทำหน้าที่สอนและวิจัยหรือทำหน้าที่วิจัยโดยเฉพาะ และได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ธุรการ
สอนระดับปริญญาตรีขึ้นไป หรือเทียบเท่าในสถาบันอุดมศึกษาที่ตนสังกัด ต้องมีจำนวนหน่วยชั่วโมงที่ทำการสอนในหนึ่งภาคการศึกษา
ทวิภาค 105 หน่วยชั่วโมง ไตรภาค 84 หน่วยชั่วโมง

ซึ่งหากพิจารณาการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เป็นระบบทวิภาค ภาคการศึกษาละ 15 สัปดาห์ ภาระงานสอนต่อสัปดาห์ของผู้ดำรงตำแหน่งอาจารย์จะเท่ากับ 150/15 = 10 หน่วยชั่วโมงการสอน โดยในส่วนนี้อาจมีความขัดแย้งกับประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง มาตรฐานภาระงานทางวิชาการของผู้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552) ที่กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ดำรงตำแหน่งอาจารย์ต้องมีภาระงานสอนขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 45 ของภาระงานทั้งหมด (ประมาณ 15.75 หน่วยชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์)
ดังนั้นมหาวิทยาลัยควรเร่งดำเนินการพิจารณากำหนดความเหมาะสม ในกรณีมีการสอนเกินภาระดังกล่าว ให้ผู้ทำการสอนมีสิทธิได้รับค่าสอนในอัตราชั่วโมงละ 400 บาท หรือหากมหาวิทยาลัยประสงค์จะดำเนินการให้แตกต่างจากระเบียบกระทรวงการคลัง ก็ควรเร่งทำความตกลงกับกระทรวงการคลังตามความในข้อ 9 ของระเบียบดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ผู้ทำการสอนต่อไป

รายงานสาระการประชุมสภาฯ
* ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย(ทปสท.)โดย รศ.ดร.วิชัย แหวนเพชร ประธานที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย แต่งตั้งประธานสภาคณาจารย์และ ข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เป็นคณะกรรมการบริหารที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย มีวาระ 2 ปี
*ที่ประชุมสภาคณาจารย์และข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ครั้งที่3/2552 วันที่ 4 สิงหาคม 2552 มีมติเลือก ผศ.ประภา เหล่าสมบูรณ์ เป็นรองประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ และ ให้ประธานฯนำเรื่องเสนอมหาวิทยาลัยเพื่อแต่งตั้ง
*ที่ประชุมฯ เห็นชอบร่างโครงการจัดตั้งสำนักงานสภาคณาจารย์และข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
*ที่ประชุมฯ เห็นชอบร่างโครงการศึกษาดูงานของสภาคณาจารย์และข้าราชการ ผู้แทนคณาจารย์ในสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
*ที่ประชุมฯ ให้กรรมการนำร่างคู่มือจรรยาบรรณของบุคลากร ไปช่วยเผยแพร่และร่วมพิจารณาเสนอแนะมหาวิทยาลัย
*ที่ประชุมฯ แสดงความเห็นเรื่องการสร้างค่านิยมร่วมของมหาวิทยาลัย ให้ข้อเสนอแนะว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ต้องแสดงความจริงใจ เป็นฝ่ายนำในการสร้างค่านิยมร่วมให้ประชาคมเห็นพ้อง ร่วมมือดำเนินการในกิจการของมหาวิทยาลัยร่วมกัน
*ที่ประชุมฯ พิจารณาโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในเมือง แสดงความห่วงใยในความเร่งด่วน ต้องการให้มีแผนที่แสดงรายละเอียดชัดเจน มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและพิจารณาให้รอบด้านเนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก

กำหนดการประชุมสภาฯ ครั้งต่อไป
วันพุธที่ 2 กันยายน 2552

สภาฯ ยินดีรับความคิดเห็น บทความ ข้อเขียนทุกประเภทจากคณาจารย์และบุคลากรทุกท่าน